สวัสดีครับ เพื่อนๆ อยากจะบอกว่า บทความนี้คือ อดใจไม่ไหว ส่วนตัวเขียนบทความไว้มากมาย มาถึงวันนี้น่าจะเถึง 1,000 บทความแล้ว มีทั้งมีสาระ และไม่ค่อยมีสาระ ปะปนกันไปนะครับ และส่วนตัวก็เป็นอาสาสมัครทำงานเบื้องหลังด้านข้อมูล และการติดตามการได้รับความช่วยเหลือของผู้ประสบภัยพิบัติและงานด้านการระดมทุนบริจาค จากผู้มีจิตศรัทธา มีจิตอาสาเช่นกัน แต่อาจจะไม่สามารถ หรือมีเวลาไปช่วยหน้างงานได้ ผมจึงนับว่าผู้บริจาคนั้น เป็นอาสาสมัคร เช่นกัน สืบเนื่องจากผมเป็น Blogger จึงรู้สึกคันมือ มากๆ อยากเขียนบทความเกี่ยวกับงานอาสา อยากเอ่ยถึงบ้าง อยากระบายบ้าง อยากชื่นชมบ้าง หรือบ้างครั้ง อาจอยากแสดงความคิดเห็นต่อบางเรื่องที่สมควรที่จะเผยแพร่บ้าง โดยผมขอเริ่มเรื่องแรกจาก การได้รับบริจาคเงิน 22,500 บาท นะครับเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554
ช่วงเช้ามีแฟกซ์ส่งรายการโอนเงินเข้ามาว่าได้โอนเงิน จำนวน 22,500 บาทเพื่อบริจาคซื้อเรือกู้ภัย ไปให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งอันที่จริงแล้ว ผมได้ปิดรับบริจาคไปแล้ว รุ่งขึ้นผมได้รับอีเมล์ "ขอโทษ" ว่าพึ่งมาเห็นว่าผมปิดรับบริจาคไปแล้ว ขอโทษที่ทำให้ผมยุ่งยาก ผมอ่านแล้ว ผมตื้นตันใจแทนผู้ประสบภัยมากนะครับ คือผู้บริจาค อุตส่าห์บริจาคเงิน แล้วขอโทษ ผมอีก ผมจึงอยากพิมพ์บทความนี้ขึ้นมาทันที เพื่อยากบอกความรู้สึกของตัวเอง ตลอดเวลา 1 ปีท่ผ่านมา ที่ผมได้มีโอกาสมาเป็นอาสาสมัคร จากคำชวนของคุณปรเมศวร์ มินศิริ นั้น มันมีค่ามาก ทำให้คนพิการรุนแรง ทุพพลภาพ อย่างผมที่ต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนเตียง ได้มีโอกาสช่วยเหลือผู้คน ผมคิดว่ามันเป็น "ทิพย์ทางความรู้สึก" หรืออาจจะได้ยินบ่อยๆ ว่า "อิ่มทิพย์" ซึ่งสำหรับผมนั้น เป็นทิพย์ทางใจ แม้ในความเป็นจริงจะช่วยเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรที่ได้รับผลกระทบหลายล้านคน
ผมรับรู้ได้ถึงจิตใจอันดีงานของผู้บริจาค หลายท่านไม่แสดงตัว หลายท่านมั่นใจในการทำงานของอาสาสมัคร มั่นใจในการนำเงินบริจาคไปใช้งานของกลุ่มอาสาสมัคร โดยมีผู้บริหารมูลนิธิโอเพ่นแคร์ ดูแลอยู่ ความรู้สึกของผู้บริจาค ถูกถ่ายทอดมายังอาสาสมัคร และส่งต่อไปยัง ผู้ประสบภัยพิบัติ ผมอยากให้ึความรู้สึกนี้ยังคงอยู่ หมายถึง ยังมั่นคง ที่อยู่บนพื้นฐานของ "จิตอาสา" คำ "ขอโทษ" ของผู้บริจาคซื้อเรือจำนวน 22,500 บาท นี้มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวของอาสาสมัครท่านหนึ่ง ที่ผมไม่มีความมั่นใจในเจตนาของพี่เขา และหลายครั้งก็ไม่เข้าใจเขาว่ามีการบิดเบือน "จิตอาสา" ผมยอมรับนะครับว่า ที่กำลังทำอาสานั้นเป็น "คนอาสา" และในขณะที่เริ่มทำก็มี "จิตอาสา" กับเกือบทุกท่าน ซึ่งอาสานั้นต้องมีจิตใจที่มั่นคงด้วย ไม่ให้มีเรื่่องอื่นใดมาทำให้ จิตอาสาเปลี่ยแปลงไป
ดีใจที่ตัวผมได้มีโอกาสมาทำงานอาสา ผมอาสาหลายประเด็น อาสางานด้านพัฒนาอาชีพคนพิการ วาดภาพด้วยกาแฟอาสา เพื่อนำรายได้ไปช่วยผู้อื่น อาสารับผิดในอดีต อาสาโดนโกง คือทำงานทั้งๆ ที่รู้ว่าจะไม่ได้เงิน ผมคิดเอาเองว่า ก่อนที่คนที่จะมีจิตอาสามาได้นั้น ต้องมี "ความรับผิดชอบ" มาก่อน คือต้องเป็นคน ที่รู้จัก "รับผิด" และ "รับชอบ" มาก่อน หมายถึง รู้จักรับผิด และไม่บิดเบือนรับชอบ รับชอบเป็น เมื่อเป็นสิ่งที่ทำเท่านั้น อย่ารับชอบ จากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ หรือเบียดเบียนผู้อื่นไปรับชอบ
สุดท้าย ผมต้องขอขอบคุณคุณโอ๊ค ที่ได้เอ่ย "ขอโทษ" จนผมต้องมาพิมพ์บทความเพื่อบอกคุณโอ๊คว่า คำขอโทษ ของคุณโอ๊คนั้นมีความหมายกับผม และคนอาสาตัวจริงอย่างมาก มันทำให้พวกเราชาวอาสา ตระหนักถึง "จิตอาสา" ของคุณโอ๊คอย่างมากครับ ผมพิมพ์บทความนี้เสร็จแล้วจะส่งบทความไปให้คุณโอ๊คอ่านโดยเฉพาะนะครับ และหวังว่า อาสาท่านใดมาอ่าน ผมอยากให้รักษา "จิตอาสา" อันบริสุทธิ์ไว้กับตัวเองด้วยนะครับ เพราะมันเป็น "ทิพย์" มากเลยครับ
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
คนทุพพลภาพมืออาชีพ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
คนทุพพลภาพมืออาชีพ
(ปล. : เห็นว่าคุณโอ๊ค บริจาคซื้อเรือให้ผู้ประสบภัย จึงนำภาพเก่ามากฝากครับ ถึงตอนที่พวกเราได้ร่วมกันขนเรือไปส่งมอบครับ)
บทความที่เกี่ยวข้องกับการบริจาคซื้อเรือช่วยผู้ประสบภัย
หวั่นๆ ว่า จะไปไม่หมด เพราะว่า ถ้าเพื่อนๆ สังเกตุดีๆ จะเห็นว่า เรือพายที่ทีมงานอาสา กำลังพ่นสีนั้น มีที่นั่งด้วย แต่เดิม เราสั่งแบบไม่มีที่นั่ง ซึ่งทำให้การขนส่งนั้น จะใช้พื้นที่ไม่มาก แต่พอมีที่นั่ง .....อ่านต่อ
ทีมงานอาสา-กระปุกดอทคอม นัดเจอกันแต่เช้า 6.00 น. แล้วมุ่งหน้าไปที่โรงงานฐานไฟเบอร์-บางบอน-สมุทรสาคร เพื่อช่วยกันขนเรือ พ่นสีเรือด้านข้าง และส่งมอบเรือ .....อ่านต่อ

ปกติ ผมเป็นคนพิการรุนแรง ไม่ค่อยอยากไปไหน (หมายถึงไปเที่ยวนะครับ) ส่วนใหญ่จะออกนอกบ้าน เพราะเรื่องงานเป็นหลัก และเห็นว่า การที่จะนำเงินมัดจำไปให้ในครั้งแรก นี้ เราควรไปด้วย เพื่อได้รู้จักกับทางเจ้าของ จะได้พูดคุยทำความรู้จักกัน วันหน้าคุยกันทางโทรศัพท์ จะได้นึกหน้ากันออก ครับ .....อ่านต่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น