และในความรู้สึกของผม จิตอาสาเบื้องหลัง คือ ผู้ที่บริจาคเงิน อาจเป็ผู้ที่ไม่ว่าง ไม่สามารถไปหน้างานได้ อาจเป็นผู้สูงอายุที่ไม่ไหวแล้ว อาจเป็นนักธุรกิจที่เวลามีค่า อาจเป็นเด็กน้อยที่คงไปช่วยไม่ไหว อาจเป็นผู้ป่วยที่เฝ้าดูทางหน้าจอทีวี หรือบางทีอาจเป็นคนจนที่มีเงินบริจาคเล็กน้อย เพียงไม่กี่บาท แต่ทุกคนมี "จิตอาสา" เป็น "จิตกุศล" ที่ยินดีบริจาคเงินเหล่านั้น ตามแต่กำลังทรัพย์มาให้ บางคนอาจบริจาคเป็นสิ่งของ เป็นสินค้าที่ตัวเองมี เป็นทรัพย์สินอย่างอื่นที่สามารถให้ได้
เรื่องสำคัญสำหรับอาสา ที่ควรระมัดระวัง และรัดกุม อย่างมาก คือ ต้องโปร่งใส และัชัดเจนเรื่องเงินบริจาค หรือสิ่งของ ของ "อาสาเบื้องหลัง" ที่ได้ไว้วางใจ "อาสาเบื้องหน้า" อย่างพวกเรา ที่อาสามาทำงาน
มันทำให้ผมเคยเกิดความลังเลใจอย่างมากที่จะเสนอตัวมาช่วยประสานงานเบื้องต้น ให้กับอาสาหน้างานที่ทั้งต้องวิ่งซื้อของ วิ่งหาคนมาช่วยงาน วิ่งไปบริจาค วิ่งหาข้าวลงท้อง วิ่งหารถขนส่ง วิ่งๆๆๆๆ..... วิ่งทุกเรื่อง ซึ่งผมคิดเอาเองว่า วิ่งจนเหนื่อยเหมือนกัน แต่เป็นเพราะว่า ผมไม่อยากยุ่งเรื่องเงิน ต่างจากงานที่ผมทำส่วนตัว อันนั้นชัดเจน ผมต้องจัดการ มันเป็นงาน และธุรกิจของตัวเอง ขาดทุนก็คงไม่มีใครว่า จะกำไรคงไม่มีใครนินทา แน่นอน จนในที่สุด..... ทุกอย่าง ทุกเรื่องราว ก็ดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง ที่ผมเริ่มสัมผัสกับอาสาหน้างานมากขึ้น รับรู้ข้อมูลมากขึ้น มันจะเหมือนกับการทำงานแทบทุกงาน ทุกโครงกร ที่ผมเคยทำๆ มา ในหัวสมองของผม มันจะเริ่ม ปึ๊ด... ป๊าด... ปึ๊ด... ป๊าด... แบบว่า ในหัววิ่งไปเรื่่อยๆ อยากคิดนั่น ช่วยนี่ อย่างนี้ดีมั๊ย จะถูกกว่าไหม จะเร็วกว่าไหม จะประหยัดไหม จะเสนอทางใหม่น่าจะดี อะไรทำนองนั้น
เอาละว่ะเริ่มคุยดีกว่า จากงานแรก ที่ทางญาติทางเขย มีโรงงาน้ำแข็ง ซึ่งทางนั้นมีไอเดียซื้อขวดพลาสติกมาบรรจุน้ำที่มีไว้ทำน้ำแข็งอยู่แล้วมาบรรจุเอง ผมจึงปรึกษาปู (อาสาดุสิต) ปูแนะนำให้คุยกับ สสส. เำพื่อลดต้นทุนให้ สสส. ถ้าได้ จะประหยัดอีกหลายเท่า ซึ่งนั้นก็หมายถึง จำนวนขวดน้ำที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ประสบภัยได้มากขึ้น
จากนั้นก็เริ่มเสนอตัวทำการระดมทุน ขอรับบริจาคเงินสำหรับทำถุงยังชีพ จึงต้องได้ข้อมูลว่าในถุงยังชีพมีอะไรบ้าง พอทราบราคาก็อยากช่วยน้องๆ 2 เรื่อง คือ ไม่ต้องวิ่งหาของ กับ อยากให้ของราคาประหยัดลง นั่งคิดสักพัก ก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีญาติที่ขายส่งสินค้าอุปโภคบริโภค จึงลองคุยต่อรองดู ได้ผลว่า จะจัดส่งให้ถึงที่ และจะคิดในราคาที่คิดกำไรน้อยที่สุด หรือไม่บวกกำไรเลยในบางรายการ โดยตั้งใจว่าจะส่งรายการให้ น้องๆ ที่เขาทำการบรรจุถุง และซื้อของอยู่แล้ว เป็นคนตัดสินใจว่า จะเอาสินค้าตัวไหนบ้าง คือ ให้โปร่งใสที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ผมกังวลใจอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เพราะผมกับพี่ตฤณ เห็นตรงกันว่า การแพ็คถุงยังชีพ ควรเป็นกิจจะลักษณะ มีพัฒนาการ มีการวางแผน มีการบริหารจัดการมากขึ้น ที่สำคัญต้องสามารถพูดคุยกันเป็นคณิตศาสตร์ได้ เช่น แพ็ควันละกี่ถุง น้ำหนักรวมประมาณการเท่าไหร่ อะไรทำนองนั้น เพื่อเราจะได้สื่อสารกับ ผู้บริจาค ที่ถือว่าเป็น "อาสาเบื้องหลัง" ให้เขาได้ภาคภูมิใจร่วมไปกับเราได้ รวมทั้งจะได้สะดวกใจ ที่จะร่วมบริจาคให้เราทำงานอาสาอย่างต่อเนื่อง (โปรดสังเกตุนะครับว่า บทความนี้ ผมจะอ้างอิงพี่ตฤณ มากสักหน่อย เพราะพอผมอ้าปากว่า จะปรึกษาพี่เอ๋อ พี่ตฤณก็ใช้ความอาวุโส บอกผมว่า พี่เอ๋อ ปรเมศวร์ งานยุ่งมากแล้ว ไม่ต้องรบกวน ช่วยได้ ทำได้ ก็ทำไปเลย ผู้น้อยเลยต้องเชื่อผู้อาวุโส..... แง้ว)
ภายในวันเดียวกัน ผมก็อาสาต่อ (ถ้าบางคนอาจจะเรียกว่า หาเรื่อง ก็ได้ 5555) ว่าจะทำบล็อกให้กับ อาสาหน้างานทุกคน ให้ส่งเรื่งราวของตัวเองมาเป็นไฟล์เสียง พร้อมภาพถ่าย โดยผมก็เร่งรีบทำเว็บบล็อกใหม่ขึ้นมาทันทีตั้งชื่อว่า "Volunteer Station" ที่เพื่อนๆ กำลังอ่านอยู่นี้ละครับ และหวังใจว่า พี่น้องอาสาทุกท่านจะส่งบทความ ถึงความรู้สึกของทุกคนเข้ามา เพื่อให้ได้บอกเล่าเรื่องราว ความรู้สึก ทัศนคติ เรื่องราวประทับใจ ข้อเสนอแนะ ต่างๆ เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต อันจะทำให้เป็นทั้ง องค์ความรู้ และยังทำให้สังคมออนไลน์ได้ทราบถึงวีรกรรม และัตัวตนของ "อาสาเบื้องหน้า" ทุกท่าน ที่ได้รับความไว้วางใจจาก "อาสาเบื้องหลัง" ได้ร่วมดีใจ ประทับใจ เสียใจ เห็นใจ ตื่นเต้น ระทึกใจ เข้าใจ ไปกับสถานการณ์การกู้ภัย ช่วยเหลือ ผู้ประสบถัย และสัตว์ (เรียกว่า สัตว์ประสบภัย ดีไหมเนี่ย) ไปพร้อมๆ กับทุกคน
เอาละว่ะเริ่มคุยดีกว่า จากงานแรก ที่ทางญาติทางเขย มีโรงงาน้ำแข็ง ซึ่งทางนั้นมีไอเดียซื้อขวดพลาสติกมาบรรจุน้ำที่มีไว้ทำน้ำแข็งอยู่แล้วมาบรรจุเอง ผมจึงปรึกษาปู (อาสาดุสิต) ปูแนะนำให้คุยกับ สสส. เำพื่อลดต้นทุนให้ สสส. ถ้าได้ จะประหยัดอีกหลายเท่า ซึ่งนั้นก็หมายถึง จำนวนขวดน้ำที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ประสบภัยได้มากขึ้น
จากนั้นก็เริ่มเสนอตัวทำการระดมทุน ขอรับบริจาคเงินสำหรับทำถุงยังชีพ จึงต้องได้ข้อมูลว่าในถุงยังชีพมีอะไรบ้าง พอทราบราคาก็อยากช่วยน้องๆ 2 เรื่อง คือ ไม่ต้องวิ่งหาของ กับ อยากให้ของราคาประหยัดลง นั่งคิดสักพัก ก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีญาติที่ขายส่งสินค้าอุปโภคบริโภค จึงลองคุยต่อรองดู ได้ผลว่า จะจัดส่งให้ถึงที่ และจะคิดในราคาที่คิดกำไรน้อยที่สุด หรือไม่บวกกำไรเลยในบางรายการ โดยตั้งใจว่าจะส่งรายการให้ น้องๆ ที่เขาทำการบรรจุถุง และซื้อของอยู่แล้ว เป็นคนตัดสินใจว่า จะเอาสินค้าตัวไหนบ้าง คือ ให้โปร่งใสที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่ผมกังวลใจอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เพราะผมกับพี่ตฤณ เห็นตรงกันว่า การแพ็คถุงยังชีพ ควรเป็นกิจจะลักษณะ มีพัฒนาการ มีการวางแผน มีการบริหารจัดการมากขึ้น ที่สำคัญต้องสามารถพูดคุยกันเป็นคณิตศาสตร์ได้ เช่น แพ็ควันละกี่ถุง น้ำหนักรวมประมาณการเท่าไหร่ อะไรทำนองนั้น เพื่อเราจะได้สื่อสารกับ ผู้บริจาค ที่ถือว่าเป็น "อาสาเบื้องหลัง" ให้เขาได้ภาคภูมิใจร่วมไปกับเราได้ รวมทั้งจะได้สะดวกใจ ที่จะร่วมบริจาคให้เราทำงานอาสาอย่างต่อเนื่อง (โปรดสังเกตุนะครับว่า บทความนี้ ผมจะอ้างอิงพี่ตฤณ มากสักหน่อย เพราะพอผมอ้าปากว่า จะปรึกษาพี่เอ๋อ พี่ตฤณก็ใช้ความอาวุโส บอกผมว่า พี่เอ๋อ ปรเมศวร์ งานยุ่งมากแล้ว ไม่ต้องรบกวน ช่วยได้ ทำได้ ก็ทำไปเลย ผู้น้อยเลยต้องเชื่อผู้อาวุโส..... แง้ว)
ภายในวันเดียวกัน ผมก็อาสาต่อ (ถ้าบางคนอาจจะเรียกว่า หาเรื่อง ก็ได้ 5555) ว่าจะทำบล็อกให้กับ อาสาหน้างานทุกคน ให้ส่งเรื่งราวของตัวเองมาเป็นไฟล์เสียง พร้อมภาพถ่าย โดยผมก็เร่งรีบทำเว็บบล็อกใหม่ขึ้นมาทันทีตั้งชื่อว่า "Volunteer Station" ที่เพื่อนๆ กำลังอ่านอยู่นี้ละครับ และหวังใจว่า พี่น้องอาสาทุกท่านจะส่งบทความ ถึงความรู้สึกของทุกคนเข้ามา เพื่อให้ได้บอกเล่าเรื่องราว ความรู้สึก ทัศนคติ เรื่องราวประทับใจ ข้อเสนอแนะ ต่างๆ เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต อันจะทำให้เป็นทั้ง องค์ความรู้ และยังทำให้สังคมออนไลน์ได้ทราบถึงวีรกรรม และัตัวตนของ "อาสาเบื้องหน้า" ทุกท่าน ที่ได้รับความไว้วางใจจาก "อาสาเบื้องหลัง" ได้ร่วมดีใจ ประทับใจ เสียใจ เห็นใจ ตื่นเต้น ระทึกใจ เข้าใจ ไปกับสถานการณ์การกู้ภัย ช่วยเหลือ ผู้ประสบถัย และสัตว์ (เรียกว่า สัตว์ประสบภัย ดีไหมเนี่ย) ไปพร้อมๆ กับทุกคน
ผมคิดเอาเองนะ ถ้าผมเป็นผู้บริจาคเงิน ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า เงินของเราได้ทำประโยชน์ให้กับผู้ประสบภัย และสัตว์ประสบภัยอย่างไร ยิ่งถ้้าได้เห็นภาพความประทับใจ ดีใจ รอยยิ้ม ของผู้ประสบภัย ด้วยแล้ว "ผู้ให้" คงจะอิ่มเอม มีความสุข และร่วมประทับใจ ไปพร้อมๆ กับ อาสาเบื้องหน้าทุกคนแน่นอน
พิมพ์มาถึงตรงนี้ ตี 2 ของวันที่ 4 ตุลาคม 2554 แล้ว เนื่องจากผมเป็นคนทุพพลภาพระดับสูง แขนหนักมากๆ นะครับ ยกไม่ค่อยขึ้นแล้ว เพราะว่าวันนี้ เคลียร์บทความต่างๆ ร่วม 20 บทความ รวมทั้งประสานงานต่างๆ ทางโทรศัพท์ ทั้งวันตั้งแต่ตื่นนอนมา ย่อหน้านี้ ไม่ได้ให้ทุกท่านที่อ่านสงสารนะครับ แต่อยากให้ทุกท่านที่อ่าน ได้ทราบว่า คนพิการรุนแรงอย่างผม ทำได้มากที่สุด คงทำได้แค่นี้ ไม่สามารถบริจาคเงินมากมายอะไรได้ ไม่สามารถไปแพ็คของได้ ไม่สามารถไปในพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยได้ ผมจึงมุ่งมั่นที่จะทำได้เท่าที่ผมจะทำอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ได้ เมื่่อยแขนเท่าไหร่ คงจะเทียบไม่ได้กับที่ผมเห็นในภาพถ่าย อาสาหน้างานเหนื่อยมาก (ปูหน้าดำมาก หมดสภาพเลย) คงเทียบไม่ได้กับการที่ทุกคนต้องเสี่ยงกับเหตุการณ์อันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ผมอยากขอให้ทุกคน "อาสาหน้างาน" ส่งเรื่องราวมานะครับ เพื่อความปิติยินดีในความเป็นจิตอาสาของทุกท่าน ทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง เอาความสุข ความประทับใจ ความรัก ความเหนื่อย ทุกความละกัน (เดี๋ยวยาว) มาแบ่งปัน ร่วมกันนะครับ อย่าแอบเก็บไว้คนเดียว
(ปล. ไม่ว่ากันนะครับ ขอโพสต์ภาพตัวเองคนเดียว เพราะว่าอยากให้ทุกคนส่งเรื่องราวมา เอาภาพเท่ห์ๆ มาด้วย จะได้รู้ว่า ใครเป็นใคร หล่อ สวย แต่ไหนนะครับ)
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
คนทุพพลภาพมืออาชีพ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
คนทุพพลภาพมืออาชีพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น